เขียนบล๊อกนี้จากประสบการณ์ค่ะ อยากจะแชร์วิถีชีวิตความเป็นอยู่เบลเยียม กิน อยู่ เที่ยว เล่น ภาษา สนุกล่ะปีแรกๆ ตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้ว
Sunday, November 15, 2015
Thursday, November 12, 2015
บาบีคิว
อีกอย่างที่คู่กับฤดูร้อนที่นี่คือการย่างบาบีคิวกิน ทุกบ้านเลย สลับกันไป บ้านเราก็ทำกินบ่อยเหมือกัน แต่กินกันสองคน ฮ่าๆๆ อยากโรแมนติก มีเรื่องตลกเกี่ยวกับย่างบาบีคิวหลายเรื่องเลย เรื่องแรกกับสามีเราเอง หลังจากเราย่างบาบีคิวไปสองรอบแล้วทีนี้ไม้เชื้อเพลิงมันหมด สามีก็ไม่ได้ไปซื้อ งวดนี้ไม่อยากซื้อก็เลยบอกเราว่าจะพาไปหาไม้ ทีแรกฟังไม่รู้เรื่องหรอก คิดแต่ว่าเค้าจะพาไปซื้อไม้ที่ร้านค้า แต่ปรากฏว่าเค้าไปเอากะบะมาใส่รถสองกะบะ ขับรถออกไปนอกเมือง พอไปถึงป่าสนก็ขับรถเข้าไปจอด ก็ไม่ลึกหรอก ยังพอเห็นถนนอยู่ พอลงรถได้สามีก็ไปเปิดหลังรถยกกะบะลงมา แล้วก็ขวาน เราน่ะใจไม่ดีตั้งแต่ขับรถเข้ามาในป่าสนแล้ว คิดถึงในหนังฆาตกรรมฝรั่งที่หลอกเข้ามาในป่าแล้วก็ฆ่า ยิ่งมาเห็นสามีถือขวานในมือยิ่งแล้วใหญ่ นึกในใจ โหที่รัก ก่อนหน้านี้เรายังรักกันอยู่ดีๆ ทำไมแป๊บเดียวถือขวานพาเมียเข้าป่าซะแล้ว คิดไรอยู่หรอจ๊ะ ฮ่าๆๆ แต่ก็คิดในใจอย่างเดียว ไม่ได้บอกสามีในสิ่งที่คิดด้วย เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นชี้โพรงให้กระรอก ฮ่าๆๆๆ สรุปเราต้องหาฟืนให้ได้คนละกะบะ เพื่อจะไปย่างบาบีคิวกัน
อีกเรื่องคือเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน วันนึงเจ้าของบ้านที่เราเช่าเค้าก็ย่างบาบีคิวกินกันนี่ล่ะ ทำกินกันหลังบ้าน มีกันหลายคน แล้วเราต้องไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน ภาษาก็ยังพูดไม่เป็นเลย เริ่มคิดหนักว่าถ้าเค้าชวนเราไปกินบาบีคิวเราจะตอบว่าไง เอ หรือว่าเราจะไปเก็บตอบเค้ากินกันเสร็จแล้ว ฮ่าๆๆๆ ก็เลยตัดสินใจไปเก็บผ้า ข้ามรั้วไป พยายามไม่หันไปมอง เก็บผ้าแบบรีบ พอเงยหน้าขึ้นมา ปะกับเพื่อนบ้าน ปรากฎว่าเค้าแค่ทักสวัสดีเรา แล้วก็หันไปย่างบาบีคิวต่อ โอ๊ย ปรานีเอ๊ย ฮ่าๆๆ ก็คิดว่าจะเหมือนบ้านเราะอ่ะเนอะ เวลาทำไรกิน ใครผ่านไปผ่านมาถ้ารู้จักก็เรียกมากินด้วย ลืมไปว่าที่นี่ยุโรปไม่ใช่เมืองไทย
อีกเรื่องคือกับครอบครัวสามี เป็นครั้งแรกที่ไปเจอครอบครัวสามีครบชุดก็ตอนไปกินบาบีคิวนี่ล่ะ บาบีคิวกินกับ สลัดผัก มันฝรั่งต้ม เราล่ะนึกอยากได้น้ำจิ้มซีฟู้ดเลยล่ะ คงจะอร่อยลิ้นกว่านี้ แต่ก็กินได้เยอะเหมือนกัน เราชอบกินซี่โครงหมู แต่พวกไส้กรอกไม่ชอบเลย มีตลกอีกคือ กินเหลือเยอะ ก็บอกให้คนนั้นคนนี้เอากลับไปกินที่บ้าน แต่ไม่มีใครเอา ทำไงดีบ้านแม่สามีไม่มีหมา แม่สามีก็คิดถึงดาเนีย ก็เคยเลี้ยงกันนานอยู่เหมือนกัน สามีชอบเอาไปดาเนียไปฝากบ้านแม่ แม่สามีก็ห่อใส่ถุงให้บอกไว้ให้ดาเนียกินพรุ่งนี้นะปรานี น่าน มากำชับกับเราอีก เราก็รับคำค่ะ ตามมารยาทสะใภ้ที่ดี ต้องทำคะแนนหน่อย ฮ่าๆๆ ปรากฏว่าพอวันรุ่งขึ้น ปรานีหิวอ่ะ เพราะเช้าก็ไม่ได้กินข้าว กลางวันก็กินขนมปัง ไม่อิ่ม หยิบของฝากดาเนียมากินก่อน พออิ่มที่เหลือค่อยให้ดาเนีย ฮ่าๆๆๆ อายจัง แต่เรื่องนี้มีสามีคนเดียวที่รู้นะ
อีกเรื่องคือเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน วันนึงเจ้าของบ้านที่เราเช่าเค้าก็ย่างบาบีคิวกินกันนี่ล่ะ ทำกินกันหลังบ้าน มีกันหลายคน แล้วเราต้องไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน ภาษาก็ยังพูดไม่เป็นเลย เริ่มคิดหนักว่าถ้าเค้าชวนเราไปกินบาบีคิวเราจะตอบว่าไง เอ หรือว่าเราจะไปเก็บตอบเค้ากินกันเสร็จแล้ว ฮ่าๆๆๆ ก็เลยตัดสินใจไปเก็บผ้า ข้ามรั้วไป พยายามไม่หันไปมอง เก็บผ้าแบบรีบ พอเงยหน้าขึ้นมา ปะกับเพื่อนบ้าน ปรากฎว่าเค้าแค่ทักสวัสดีเรา แล้วก็หันไปย่างบาบีคิวต่อ โอ๊ย ปรานีเอ๊ย ฮ่าๆๆ ก็คิดว่าจะเหมือนบ้านเราะอ่ะเนอะ เวลาทำไรกิน ใครผ่านไปผ่านมาถ้ารู้จักก็เรียกมากินด้วย ลืมไปว่าที่นี่ยุโรปไม่ใช่เมืองไทย
อีกเรื่องคือกับครอบครัวสามี เป็นครั้งแรกที่ไปเจอครอบครัวสามีครบชุดก็ตอนไปกินบาบีคิวนี่ล่ะ บาบีคิวกินกับ สลัดผัก มันฝรั่งต้ม เราล่ะนึกอยากได้น้ำจิ้มซีฟู้ดเลยล่ะ คงจะอร่อยลิ้นกว่านี้ แต่ก็กินได้เยอะเหมือนกัน เราชอบกินซี่โครงหมู แต่พวกไส้กรอกไม่ชอบเลย มีตลกอีกคือ กินเหลือเยอะ ก็บอกให้คนนั้นคนนี้เอากลับไปกินที่บ้าน แต่ไม่มีใครเอา ทำไงดีบ้านแม่สามีไม่มีหมา แม่สามีก็คิดถึงดาเนีย ก็เคยเลี้ยงกันนานอยู่เหมือนกัน สามีชอบเอาไปดาเนียไปฝากบ้านแม่ แม่สามีก็ห่อใส่ถุงให้บอกไว้ให้ดาเนียกินพรุ่งนี้นะปรานี น่าน มากำชับกับเราอีก เราก็รับคำค่ะ ตามมารยาทสะใภ้ที่ดี ต้องทำคะแนนหน่อย ฮ่าๆๆ ปรากฏว่าพอวันรุ่งขึ้น ปรานีหิวอ่ะ เพราะเช้าก็ไม่ได้กินข้าว กลางวันก็กินขนมปัง ไม่อิ่ม หยิบของฝากดาเนียมากินก่อน พออิ่มที่เหลือค่อยให้ดาเนีย ฮ่าๆๆๆ อายจัง แต่เรื่องนี้มีสามีคนเดียวที่รู้นะ
Friday, November 06, 2015
ฤดูร้อนเบลเยียม
ฤดูร้อนที่นี่ อากาศสบายดีจัง แต่สำหรับเรายังหนาวๆ อยู่ ไปไหนยังต้องใส่เสื้อแขนยาว คนที่นี่ดูคึกคักดีจัง บ้านไหนๆ ก็ได้ยินเสียงตัดสนามหญ้า บางบ้านก็เป็นรถพวงมาลัยขับ บ้างก็เข็นเหมือนรถเข็น จับพลั่ว จับดอกไม้ ต้นไม้ มาประดับหน้าบ้าน ทำสวน ติดหน้าประตู วางข้างหน้าต่าง สีสันสดใจจริงๆ ยิ่งเข้ากับบ้านใหญ่เลย บ้านหินสีดำ เทา กับดอกไม้สีสดใส ใบไม้สีเขียว แถมบางบ้านก็ยังมีไม้เลื้อยตามผนังบ้านอีก ต่างคนต่างจัดมุมเก้าอี้ให้ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ น่าสนุกดีแฮะ
เราก็ทำเหมือนกัน เตรียมกระถางมา ดิน ปุ๋ย ดินที่นี่ต้องซื้อนะคะ ไม่ได้ไปขุดไปหาเอาง่ายๆเหมือนบ้านเรา เตรียมดินเสร็จเอาลงกระถาง เอาเมล็ดผักที่ติดมาจากเมืองไทยได้มาผักชีจีน ผักชีลาว พริก แค่นี้ล่ะ ส่วนดอกไม้ไม่ได้เอามา ก็ปลูกดอกไม้บ้านเค้าละกัน ถนอมกันเต็มที่ สามีก็จัดการสนามดาเนีย เพิ่มหญ้าหน่อยเลยปลูกหญ้าลงไป ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเป็นเมล็ดหญ้า พอเตรียมแปลงดอกไม้เสร็จ ลงแปลงเรียบร้อย ก็ไปเอาเมล็ดหญ้ามาหว่านคลุมแปลง เพราะนึกว่าแกลบ เหอ เหอ มารู้เอาตอนที่เห็นต้นหญ้าเล็กๆ มันแหลมๆ ขึ้นมายังกะกล้าข้าว โอ๊ย อยากจะเอาหัวโขกหินนัก แล้วดิชั้นก็ต้องมานั่งถอนมันออกจากแปลงดอกไม้ สามีได้แต่สมน้ำหน้า หัวเราะหึๆ ไม่รู้จักถามก่อน ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นก็รดน้ำใส่ปุ๋ย โตไวๆ นะลูก แม่อยากเห็นเต็มแก่แล้ว ปรากฎว่ารอบแรกปลูกไม่ค่อยขึ้นเลย สามีได้ลงอีกรอบนึง บอกเราว่าคราวนี้จะเป็นคนปลูกเอง เรามีหน้าที่แค่รดน้ำพอ ฮ่าๆๆๆ ว่าเรามือปลูกดอกไม้ไม่ขึ้นว่างั้นเหอะ เราก็ต้องยอมรับน่ะสิ จากนั้นก็ดูแลกันต่อ เวลาไปเที่ยวไหนๆ ก็คิดถึงแต่ดอกไม้ อยากกลับมาดูไวๆ อยากดูว่ามันออกดอกหรือยัง ปลูกตั้งแต่มาถึง เมษายน จน ปลายมิถุนายน ดอกไม้ยังไม่ให้ดอกเลย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย พริกก็สูงแค่ฝ่ามือเราเอง ย้ายไปลงดินก็แล้วก็ไม่โต ตะไคร้ได้มาจากตลาด เอามาลงแปลง ก็ไม่แตกกอสักที สงสัยจะรักสันโดษ ฮ่าๆๆๆ ผักชีลาวของดิชั้นก็ขึ้นนิดเดียว กินไม่เต็มทีเลย ไปลงแปลงใหม่ก็ไม่ขึ้น เห็นผลแต่ผักชีจีนที่ขึ้นเขียวขจีสีดสดใสให้เราได้ชื่นใจ และก็มะเขีอเทศ พันธุ์ลูกเล็กที่ไว้ใส่ส้มตำ เราก็เอาไปใส่ตำแครอท
พอเดือนกรกฎาคม ดอกไม้เริ่มออกดอกแล้ว ทีนี้เริ่มบานทีละเล็กละน้อย จนเต็มสวนเลยทีเดียว ดอกทานตะวันก็เหลืองสวยเชียว โอ๊ย มีความสุขจังเลย เอาเปลมาแขวนนอนเล่น เอาร่มมากางเล่น ทำเป็นฮอลิเดย์เต็มที่กะดาเนีย ไม่น่าเชื่อว่าจะออกดอกมากขนาดนี้ เราก็จับดาเนียมาเป็นนางแบบให้เรา แล้วก็ถ่ายรูปๆ เอาไปอวดพ่อกับแม่ที่เมืองไทย
เราก็ทำเหมือนกัน เตรียมกระถางมา ดิน ปุ๋ย ดินที่นี่ต้องซื้อนะคะ ไม่ได้ไปขุดไปหาเอาง่ายๆเหมือนบ้านเรา เตรียมดินเสร็จเอาลงกระถาง เอาเมล็ดผักที่ติดมาจากเมืองไทยได้มาผักชีจีน ผักชีลาว พริก แค่นี้ล่ะ ส่วนดอกไม้ไม่ได้เอามา ก็ปลูกดอกไม้บ้านเค้าละกัน ถนอมกันเต็มที่ สามีก็จัดการสนามดาเนีย เพิ่มหญ้าหน่อยเลยปลูกหญ้าลงไป ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเป็นเมล็ดหญ้า พอเตรียมแปลงดอกไม้เสร็จ ลงแปลงเรียบร้อย ก็ไปเอาเมล็ดหญ้ามาหว่านคลุมแปลง เพราะนึกว่าแกลบ เหอ เหอ มารู้เอาตอนที่เห็นต้นหญ้าเล็กๆ มันแหลมๆ ขึ้นมายังกะกล้าข้าว โอ๊ย อยากจะเอาหัวโขกหินนัก แล้วดิชั้นก็ต้องมานั่งถอนมันออกจากแปลงดอกไม้ สามีได้แต่สมน้ำหน้า หัวเราะหึๆ ไม่รู้จักถามก่อน ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นก็รดน้ำใส่ปุ๋ย โตไวๆ นะลูก แม่อยากเห็นเต็มแก่แล้ว ปรากฎว่ารอบแรกปลูกไม่ค่อยขึ้นเลย สามีได้ลงอีกรอบนึง บอกเราว่าคราวนี้จะเป็นคนปลูกเอง เรามีหน้าที่แค่รดน้ำพอ ฮ่าๆๆๆ ว่าเรามือปลูกดอกไม้ไม่ขึ้นว่างั้นเหอะ เราก็ต้องยอมรับน่ะสิ จากนั้นก็ดูแลกันต่อ เวลาไปเที่ยวไหนๆ ก็คิดถึงแต่ดอกไม้ อยากกลับมาดูไวๆ อยากดูว่ามันออกดอกหรือยัง ปลูกตั้งแต่มาถึง เมษายน จน ปลายมิถุนายน ดอกไม้ยังไม่ให้ดอกเลย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย พริกก็สูงแค่ฝ่ามือเราเอง ย้ายไปลงดินก็แล้วก็ไม่โต ตะไคร้ได้มาจากตลาด เอามาลงแปลง ก็ไม่แตกกอสักที สงสัยจะรักสันโดษ ฮ่าๆๆๆ ผักชีลาวของดิชั้นก็ขึ้นนิดเดียว กินไม่เต็มทีเลย ไปลงแปลงใหม่ก็ไม่ขึ้น เห็นผลแต่ผักชีจีนที่ขึ้นเขียวขจีสีดสดใสให้เราได้ชื่นใจ และก็มะเขีอเทศ พันธุ์ลูกเล็กที่ไว้ใส่ส้มตำ เราก็เอาไปใส่ตำแครอท
พอเดือนกรกฎาคม ดอกไม้เริ่มออกดอกแล้ว ทีนี้เริ่มบานทีละเล็กละน้อย จนเต็มสวนเลยทีเดียว ดอกทานตะวันก็เหลืองสวยเชียว โอ๊ย มีความสุขจังเลย เอาเปลมาแขวนนอนเล่น เอาร่มมากางเล่น ทำเป็นฮอลิเดย์เต็มที่กะดาเนีย ไม่น่าเชื่อว่าจะออกดอกมากขนาดนี้ เราก็จับดาเนียมาเป็นนางแบบให้เรา แล้วก็ถ่ายรูปๆ เอาไปอวดพ่อกับแม่ที่เมืองไทย
Wednesday, November 04, 2015
สำรวจเมือง
มาเขียนต่อเรื่องเบลเยี่ยม ต้องนั่งระลึกชาติเลยทีเดียว เพราะมันเกือบปีแล้วเนี่ย แต่ก็ยังอยากเขียนเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คิดแบบนี้ 555
มาอยู่ได้สักพัก ก็เริ่มที่จะกล้าไปไหนคนเดียวแล้ว โชคดีมาถึงตอนเข้าหน้าร้อนของที่นี่ มีแดดเกือบทุกวัน (ร้อนตายละ) แต่ไปไหนมาไหนก็ยังต้องใส่เสื้อกันหนาวอยู่ดี
ที่รักไปจัดการหาจักรยานให้เรา ที่เก็บรถมีจักรยานอยู่ 4 คัน ถามว่าทำไมมีเยอะจัง อยู่คนเดียว (แอบคิดในใจเคยมีครอบครัวแล้วหรือไงเนี่ย 555 ) ก็ได้คำตอบว่า มีคันเดียว คันที่ใหม่สุด นอกนั้นเป็นของเจ้าของบ้านเช่า เขาเอาจักรยานมาเก็บไว้ที่นี่ สรุปคันใหม่สุดเป็นของที่รัก ส่วนคันเก่าของเจ้าของบ้านเช่า 1 คัน เป็นของเรา (ไม่ซื้อใหม่นะคะ ประหยัดค่ะ ) แต่ว่ามันต้องเปลี่ยนอะไหล่ เพราะว่าจอดไว้นานแล้ว ก็ไม่มากหรอก เปลี่ยนแค่ ยางใน ยางนอก 2 ล้อ เบรก โซ่ แค่นั้นเอง และก็เพิ่มกระดิ่ง กะตะแกรงหน้ารถให้เรา กะไฟท้าย (เกือบๆซื้อใหม่เลย ไม่เปลี่ยนแต่โครงรถ เหอ ๆ
) แต่ได้เดินดูราคาจักรยานที่นี่แล้ว แพงมหาโหด (ช่วงแรกๆ ปวดหัวมากกับการคำนวณเป็นค่าเงินบาท ) ที่รักบอกจักรยานผมที่ซื้อนี่ 500 ยูโร เราก็อ้าปากค้าง มันทำไรได้บ้างฟระ เกือบเท่าราคามอไซต์บ้านเรา นี่เราไปซื้อจักรยานที่โลตัส 1300 บาท แต่ทีเ่ดินดูในร้านที่นี่ ตกคันละครึ่งแสน เฉียดแสนก็มี ข้าน้อยจะเป็นลม คือเป็นจักรยานไว้แข่งน่ะ ต้องทำใจ

ได้จักรายานมาละเราก็ไปตะลอนดีกว่า พกขวดน้ำไป 1 ขวด ( ทำไมฝรั่งชอบดื่มน้ำที่มันซ่า คล้ายๆ โซดาเลย ) มองไปทางไหนก็สวย ก็น่ารักหมด ฟาร์มเขียวๆ มีดอกเยอบีร่าเต็มทุ่งไปหมดเลย มีแม่วัวใส่ต่างหูให้ดูขำๆ อีกต่างหาก ท้องฟ้าก็ ฟ้าได้ใจ มีภูเขาใกล้บ้าน มีลำธารน้อยๆ อะไรมันจะได้ดั่งใจขนาดนี้ เหมือนฝันทุกทีเลย อยู่นานจนเป็นเดือน จึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ฝัน มันความจริง
ปั่นเข้าไปที่อำเภอ เป็นอำเภอเล็กๆ (แต่มีโบสถ์ใหญ่ ) เนื่องจากเขตที่อยู่นี้มันที่ราบภูเขา มันก็เลยปั่นขึ้นลง ขึ้นลง ตอนลงน่ะปั่น แต่ตอนขึ้นถ้าไม่ไหวก็จูงเอา 555 ห่างจากบ้านเราแค่ 1 กม เอง ที่นี่เขาไม่มีตำบล มีแต่อำเภอแล้วก็แบ่งเป็นหมู่บ้านเลย หมู่บ้านเรามีแค่ 20 หลังคาเรือนเอง บางหมู่บ้านมี 10 หลังคาเรือนก็มี ที่บ้านเราไม่ได้เนอะ หมู่บ้านใหญ๊ใหญ่ เกือบ 500 หลังคาเรือน 555 (อันนี้หัวเราะนะ ไม่ใช่จำนวน )

ออกเดินทาง จักรยาน แม่วัว ฟาร์ม ลำธาร

ฟาร์ม หน้าโรงเรียนประถม ป้ายบอกทาง ท่ารถบัส (ไม่รู้ว่ามันไปไหน ยังไม่เคยขึ้นเลย หรือบางทีอาจจะเป็นรถรับส่งนักเรียนก็ได้ ) และก็ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง คนที่นี่ชอบเดินภูเขา บางทีเห็นพาครอบครัวไปเดินเล่นทุ่งก็มี เราว่าน่ารักดีอ่ะ (แต่บ้านเราชอบไปเดินห้าง เพราะเย็นดี)

น่าจะเป็นสโมสรนะ มีสนามฟุตบอล สนามเทนนิส แต่ยังไม่เคยไปเล่นเลย ไม่มีไม้เทนนิส (เค้าเรียกว่าไรนะเท่ๆ น่ะ ) ตรงนี้เกือบออกเมืองละ มองกลับไปในเมืองเห็นแต่ยอดโบสถ์ ตอนปั่นจักรยานก็เห็นม้าหลบร่มพอดี ม้าตัวใหญ่มากกก..

โบสถ์ประจำอำเภอ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอ ตอนแรกเราไ่ม่รู้ว่ามันคืออำเภอ เพราะมันเขียนว่า Hôtel de commune เราดันเข้าใจว่ามันคือโรงแรมประจำอำเภอเสียอีก โอ๊ย อ๊าย อาย จัง เราไปอำเภอบ่อยมาก เพราะต้องไปรายงานตัว ไปแก้วันที่วีซ่า ไปเดินเรื่องเอกสารแต่งงาน ข้อแตกต่างอำเภอที่นี่กับบ้านเราคือ ที่นี่เงียบจัง คนไปติดต่อน้อย (หรือว่าเรามองไม่เห็น เพราะมีหลายชั้น ) เวลาจะไปทำธุระที่อำเภอ เราต้องโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าทุกครั้ง (ยกเว้นตอนไปซื้อถุงขยะ ไปซื้อได้เลย ) เทียบกับบ้านเรา คนรอทำธุระต่างๆ เยอะมาก 555 เราเปรียบเทียบเหมือนโรงพยาบาลเลยเหมือนคนไข้ไปรอหมอ

หมู่บ้านในอำเภอ ให้อารมณ์แออัดเพราะบ้านเกือบติดถนนเลย 555 ผ่านธนาคารดูจากตึกแล้วไม่เหมือนธนาคารเลย (ยังจำแต่ภาพธนาคารบ้านเรา) คือตึกที่นี่มันเหมือนๆกันหมดเลย ทั้งบ้าน ทั้งสำนักงาน เลยแยกไม่ออก ต้องสังเกตุเอาที่ป้ายด้านหน้า อีกตึกนึงก็เป็นโรงพยาบาล นี่ก็ต้องอ่านป้ายเอาเอง (เหมือนกันหม๊ดเลย)

นี่ก็อีกโรงพยาบาลนึง กับสถานีตำรวจ สังเกตุจากป้าย ส่วนภาพอื่นวิวข้างทาง กับตู้โทรศัพท์สาธารณะที่นี่ (เหมือน กสท บ้านเราป่ะ ) ยังไม่เคยใช้เลย ไม่รู้ว่าต้องหยอดเหรียญอะไร อ่านไม่ออก 555

ป้ายสัญลักษณ์อำเภอ อนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญ น่าจะเป็นผู้ก่อตั้งอำเภอนี้ อีกรูปเป็นไปรษณีย์ (ดูว่าป้ายสีแดง) อีกรูปก็เป็็นป่าช้าฝรั่ง มองข้างนอกก็พอไม่กล้าเข้าไป


จบละสำรวจเมือง ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเมืองไทย เวลาเขานั่งรถไปเที่ยวที่ต่าง เคยถามว่าแตกต่างกันไหม บ้านไหนสวย เขาบอกว่าไม่แตกต่างเลย เหมือนกันหมด 555 แยกไม่ออก ตอนนี้เราก็เป็นเหมือนกัน แยกไม่ออกเลย อันไหนบ้าน อันไหนตึก<
มาอยู่ได้สักพัก ก็เริ่มที่จะกล้าไปไหนคนเดียวแล้ว โชคดีมาถึงตอนเข้าหน้าร้อนของที่นี่ มีแดดเกือบทุกวัน (ร้อนตายละ) แต่ไปไหนมาไหนก็ยังต้องใส่เสื้อกันหนาวอยู่ดี
ที่รักไปจัดการหาจักรยานให้เรา ที่เก็บรถมีจักรยานอยู่ 4 คัน ถามว่าทำไมมีเยอะจัง อยู่คนเดียว (แอบคิดในใจเคยมีครอบครัวแล้วหรือไงเนี่ย 555 ) ก็ได้คำตอบว่า มีคันเดียว คันที่ใหม่สุด นอกนั้นเป็นของเจ้าของบ้านเช่า เขาเอาจักรยานมาเก็บไว้ที่นี่ สรุปคันใหม่สุดเป็นของที่รัก ส่วนคันเก่าของเจ้าของบ้านเช่า 1 คัน เป็นของเรา (ไม่ซื้อใหม่นะคะ ประหยัดค่ะ ) แต่ว่ามันต้องเปลี่ยนอะไหล่ เพราะว่าจอดไว้นานแล้ว ก็ไม่มากหรอก เปลี่ยนแค่ ยางใน ยางนอก 2 ล้อ เบรก โซ่ แค่นั้นเอง และก็เพิ่มกระดิ่ง กะตะแกรงหน้ารถให้เรา กะไฟท้าย (เกือบๆซื้อใหม่เลย ไม่เปลี่ยนแต่โครงรถ เหอ ๆ
ได้จักรายานมาละเราก็ไปตะลอนดีกว่า พกขวดน้ำไป 1 ขวด ( ทำไมฝรั่งชอบดื่มน้ำที่มันซ่า คล้ายๆ โซดาเลย ) มองไปทางไหนก็สวย ก็น่ารักหมด ฟาร์มเขียวๆ มีดอกเยอบีร่าเต็มทุ่งไปหมดเลย มีแม่วัวใส่ต่างหูให้ดูขำๆ อีกต่างหาก ท้องฟ้าก็ ฟ้าได้ใจ มีภูเขาใกล้บ้าน มีลำธารน้อยๆ อะไรมันจะได้ดั่งใจขนาดนี้ เหมือนฝันทุกทีเลย อยู่นานจนเป็นเดือน จึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ฝัน มันความจริง
ปั่นเข้าไปที่อำเภอ เป็นอำเภอเล็กๆ (แต่มีโบสถ์ใหญ่ ) เนื่องจากเขตที่อยู่นี้มันที่ราบภูเขา มันก็เลยปั่นขึ้นลง ขึ้นลง ตอนลงน่ะปั่น แต่ตอนขึ้นถ้าไม่ไหวก็จูงเอา 555 ห่างจากบ้านเราแค่ 1 กม เอง ที่นี่เขาไม่มีตำบล มีแต่อำเภอแล้วก็แบ่งเป็นหมู่บ้านเลย หมู่บ้านเรามีแค่ 20 หลังคาเรือนเอง บางหมู่บ้านมี 10 หลังคาเรือนก็มี ที่บ้านเราไม่ได้เนอะ หมู่บ้านใหญ๊ใหญ่ เกือบ 500 หลังคาเรือน 555 (อันนี้หัวเราะนะ ไม่ใช่จำนวน )
ออกเดินทาง จักรยาน แม่วัว ฟาร์ม ลำธาร
ฟาร์ม หน้าโรงเรียนประถม ป้ายบอกทาง ท่ารถบัส (ไม่รู้ว่ามันไปไหน ยังไม่เคยขึ้นเลย หรือบางทีอาจจะเป็นรถรับส่งนักเรียนก็ได้ ) และก็ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง คนที่นี่ชอบเดินภูเขา บางทีเห็นพาครอบครัวไปเดินเล่นทุ่งก็มี เราว่าน่ารักดีอ่ะ (แต่บ้านเราชอบไปเดินห้าง เพราะเย็นดี)
น่าจะเป็นสโมสรนะ มีสนามฟุตบอล สนามเทนนิส แต่ยังไม่เคยไปเล่นเลย ไม่มีไม้เทนนิส (เค้าเรียกว่าไรนะเท่ๆ น่ะ ) ตรงนี้เกือบออกเมืองละ มองกลับไปในเมืองเห็นแต่ยอดโบสถ์ ตอนปั่นจักรยานก็เห็นม้าหลบร่มพอดี ม้าตัวใหญ่มากกก..
โบสถ์ประจำอำเภอ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอ ตอนแรกเราไ่ม่รู้ว่ามันคืออำเภอ เพราะมันเขียนว่า Hôtel de commune เราดันเข้าใจว่ามันคือโรงแรมประจำอำเภอเสียอีก โอ๊ย อ๊าย อาย จัง เราไปอำเภอบ่อยมาก เพราะต้องไปรายงานตัว ไปแก้วันที่วีซ่า ไปเดินเรื่องเอกสารแต่งงาน ข้อแตกต่างอำเภอที่นี่กับบ้านเราคือ ที่นี่เงียบจัง คนไปติดต่อน้อย (หรือว่าเรามองไม่เห็น เพราะมีหลายชั้น ) เวลาจะไปทำธุระที่อำเภอ เราต้องโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าทุกครั้ง (ยกเว้นตอนไปซื้อถุงขยะ ไปซื้อได้เลย ) เทียบกับบ้านเรา คนรอทำธุระต่างๆ เยอะมาก 555 เราเปรียบเทียบเหมือนโรงพยาบาลเลยเหมือนคนไข้ไปรอหมอ
หมู่บ้านในอำเภอ ให้อารมณ์แออัดเพราะบ้านเกือบติดถนนเลย 555 ผ่านธนาคารดูจากตึกแล้วไม่เหมือนธนาคารเลย (ยังจำแต่ภาพธนาคารบ้านเรา) คือตึกที่นี่มันเหมือนๆกันหมดเลย ทั้งบ้าน ทั้งสำนักงาน เลยแยกไม่ออก ต้องสังเกตุเอาที่ป้ายด้านหน้า อีกตึกนึงก็เป็นโรงพยาบาล นี่ก็ต้องอ่านป้ายเอาเอง (เหมือนกันหม๊ดเลย)
นี่ก็อีกโรงพยาบาลนึง กับสถานีตำรวจ สังเกตุจากป้าย ส่วนภาพอื่นวิวข้างทาง กับตู้โทรศัพท์สาธารณะที่นี่ (เหมือน กสท บ้านเราป่ะ ) ยังไม่เคยใช้เลย ไม่รู้ว่าต้องหยอดเหรียญอะไร อ่านไม่ออก 555
ป้ายสัญลักษณ์อำเภอ อนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญ น่าจะเป็นผู้ก่อตั้งอำเภอนี้ อีกรูปเป็นไปรษณีย์ (ดูว่าป้ายสีแดง) อีกรูปก็เป็็นป่าช้าฝรั่ง มองข้างนอกก็พอไม่กล้าเข้าไป
จบละสำรวจเมือง ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเมืองไทย เวลาเขานั่งรถไปเที่ยวที่ต่าง เคยถามว่าแตกต่างกันไหม บ้านไหนสวย เขาบอกว่าไม่แตกต่างเลย เหมือนกันหมด 555 แยกไม่ออก ตอนนี้เราก็เป็นเหมือนกัน แยกไม่ออกเลย อันไหนบ้าน อันไหนตึก<
Subscribe to:
Posts (Atom)