๒๘ มิย ตื่น ๘ โมงเช้า อาบน้ำ ลงมาทานข้าว ๙ โมงนัดพี่นากมาหาที่โรงแรม เพราะจะฝากของไปให้แม่ เราโทรไป สิบโมงเช้า ยังไม่ออมาเลย บอกว่าจะนั่ง”ทาม” ก็มาถึงเกือบเพลละ สรุปมากับลูกชาย แต่ว่ามาไม่ถึงโรงแรมหรอก เราออกไปหาที่สเตชั่นเลย เพราะว่าจะไปที่นั่นพอดี พอเจอกัน ก็ดีใจ ทักทายสวัสดี ที่รักเราน่ารักอีกแล้ว ยกมือไหว้สวัสดีด้วย ก็ไปเที่ยวบ้านพี่นาก นั่ง”ทาม” ไป ๓ สถานี คนละ ๒ ยูโร จะบอกว่ากับพี่นากก็เพิ่งมารู้จักกันนี่ล่ะ ตอนจะเจอยังนึกอยู่ว่าหน้าตาเป็นยังไง เพราะไม่เคยคุยกันเลย รู้แต่ว่าเป็นเพื่อนกับพี่สาวลูกของป้าเรา ส่วนพี่นากก็คงคิดเหมือนกัน พี่นากชมว่าที่รักหล่อ และหน้าตาเหมือนกับเรา พูดเหมือนยายดำเลย พอเราบอกที่รักว่าพี่นากชมว่าหล่อ ที่รักก็ยิ้มแฉ่งเล ยืดได้อีกนะคะ เราว่านั่งรถไปไกลนะ ๓สถานี เพราะทีแรกบอกว่าใกล้อะตอเมี่ม นึกว่าเดินหาได้เลย ขำ ตัวเองจัง ถึงสถานี Heembeek แล้วลงเดินต่อ ไม่ไกลนัก เป็นอพาร์ตเมนท์อยู่ชั้น ๓ ทั้งชั้นเลย ตามแบบในเมือง ก็ดีนะ ไม่ปะปนกะใคร และใช้พื้นที่ได้คุ้มดี มีห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำตอนนี้น่าจะเอาเป็นห้องนอนให้ลูกชาย ส่วนห้องส้วมต่างหาก แล้วก็ยกตู้อาบน้ำไปไว้ในห้องครัว สงสัยว่าเวลาอาบน้ำต้องปิดห้องครัวอาบ ก็ดื่มกาแฟ คุยกันได้ ๑ ชม ก็ขอตัวไปเที่ยวก่น จริงๆ อยู่กินส้มตำก็ดีนะ พี่นากอยากทำให้กิน แต่เนื่องจากเพิ่งกินข้าวเช้ามาจากโรงแรม และเกรงใจที่รักด้วย และเห็นใจที่ต้องนั่งเฉยๆ ฟังเราโม้กับพี่นาก เลยขอตัวซะเลย
ไปเที่ยวในเมืองก็นั่ง”ทาม” ไป ลงผิดสถานี่ ทาม ก็เหมือนรถราง นั่นล่ะ ตอนแรกลงผิดสถานีอ่ะ ไม่เป็นไร ท่องเที่ยวก็แบบนีล่ะ ที่รักก็ไม่คุ้นเมืองเหมือนกัน เพราะไม่ชอบเข้าเมือง ซื้อตั๋ว ๑ วัน สำหรับ ๒ คน ๔ ยูโร กี่เที่ยวก็ได้ ก็ดีเนอะ ตอนแรกก็เสียค่าโง่ จ่ายคนละ ๒ ยูโร ต่อเที่ยว เจ้าหน้าที่แนะนำซื้อตั๋ว ๑ วันประหยัดกว่า พอมาถึงสถานีที่จะไปเที่ยวกรองปลาซ ถึง ปุ๊บ ก็จับกล้องถ่ายรูป ตึกรามบ้านช่องเหมือนกันหมด ไม่รู้อันไหนเก่าอันไหนใหม่ แต่ยอมรับว่าสวยมาก และยังคงสมบูรณ์ นึกไปถึงตึกกระทรวงกลาโหม ข้างวัดพระแก้วเลย เมืองนอกเค้าสร้างด้วยปู เหล็ก จึงอยู่สมบูรณ์ แต่ที่อยุธยาสร้างด้วยไม้ พอเวลาเนิ่นน่านไปก็ผุพังไปตามเวลา คงเหลือแต่สิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยอิฐด้วยปูนเท่านั้น แต่ถ้าวัดความวิจิตร ประณีต สู้ของไทยไม่ได้เลย น่าเสียดายยิ่งนัก อ้าวเรา เข้าสู่โหมรักชาติอีกละ ฮ่าๆๆๆ
เราก็เดินดูไป อ่านคู่มือไป ก็เข้าใจนิดหน่อย ไปที่ตึกหุ้น มีนักท่องเที่ยวเยอะแยะเลย ถ่ายรูปกันใหญ่ เราก็ถ่ายด้วย ตึกนี้สวยด้วยรูปปูนปั้นอ่ะ รายรอบตึกอยู่ ได้แวะซื้อโปสการ์ดด้วย เป็นของฝาก ที่รักไปซื้อสติ๊กเกอร์ธงชาติไทย จะเอาไปติดท้ายรถ เลือกโปสการ์ดให้ว่าที่พ่อตา ๑ ใบ เป็นรูปเบียร์ของเบลเยี่ยม บอกว่าถ้ากลับไปจะเอาไปฝาก ฮ่าๆๆ หลอกคนแก่ดีใจหรือเปล่านะ เดินเที่ยวเรื่อยๆ มีร้านขายช็อคโกแลตเยอะมาก เบลเยี่ยมจะขึ้นชื่อในเรื่องของ เบียร์ ช๊อคโกแลต และมันฝรั่งทอด มีต้นกำเนิดที่นี่ล่ะ เดินไปถึงกรองปลาซซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจตุรัสเมืองที่สวยที่สุด สวยงามจริงๆ สร้างได้ไงนะ วันนี้มีคนมาใช้เป็นสถานที่แต่งงานด้วยอ่ะ ก็รอดู สวยดี แล้วก็ไปเดินเล่นต่อ
ไปดูเมเนเกนพิส รูปปั้นเด็กฉี่ วันนี้ใส่ชุดครุย เสียดายอยากได้รูปแก้ผ้า มีคนมาถ่ายรูปด้วยเยอะแยะเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามีชื่อเสียงได้ไง ตัวก็เล็กนิดเดียว พอดีมีขบวนพาเหรด หุ่นชาวบ้าน ตัวสูงมาก โชคดีที่เราได้ดู เห็นบอกว่านาน จัดที ที่รักจัดให้ ๑ รูป ดื่มน้ำ ๑ ขวด จริงๆ ไม่ค่ออยากดื่มเลยเพราะว่าจะทำให้อยากเข้าห้องน้ำ แถมไม่ได้เข้าฟรีด้วย ต้องจ่ายครั้งละ เกือบ ๒๕ บาทแพงมากเลย ที่เมืองไทยเข้าฟรีนะคะ ก็ไปนั่งดื่มกันต่อที่หน้ากรองปลาซ ได้บรรยากาศเมืองนอกมากๆ เลย หิวข้าวละ ไปหาไรกิน ในซอยนึงมีแต่ร้านอาหาร ส่วนมากเป็นอาหารทะเลย เราอยากกิน แต่คงกินไม่หมด ของขึ้นชื่อจะเป็นหอยแมลงภู่อบ กินกับ มันฝรั่งทอด แต่เราเลือกจะกิน ๑ ชุด ๒ คน ก็เป็นเมนูสเต็ก เค้าก็จัดมาให้ กินเสร็จจ่ายเงิน เค้าเก็บเท่าราคา ๒ ชุดเลยอ่ะ หมดไปเกือบ ร้อยยูโร โอ๊ย จะบ้าตาย อะไรเนี่ย แม่เจ้า แพงจัง พูดกันว่าพรุ่งนี้เราไม่ต้องกินข้าวแล้วกัน วันนี้กินไปเผื่อแล้ว เห็นใจที่รักจังจ่ายเยอะโดยใช่เหตุ
ทานเสร็จก็ไปเดินย่อยแถวพระราชวัง สวยจัง ยิ่งใหญ่ จากนั้นเดินเข้าไปในสวนที่อยู่ตรงข้าม คนเยอะจัง และเราเริ่มเหนื่อยแล้ว งอแงแล้วอ่ะ ปวดฉี่ด้วย แต่ว่ามีเรื่องตลกคือ มีคู่รักเข้าไปในสวนอ่ะ แล้วเค้าก็จู๋จี๋กัน แบบว่าขั้นลูบไล้ เราก็บอกที่รักดู ที่รัก บอก ใจเย็นๆๆๆ ขำอ่ะ ตอนนี้เริ่มปวดฉี่มากเลย เดินบิดๆ ต้องหาร้านกาแฟเพื่อจะได้เข้าห้องน้ำ เดินมาตั้งไกล เพราะอ้อมสวนและเดินกลับมาที่เดินคือหลังตึกหุ้นนั่นเอง สั่งกาแฟปุ๊บก็รีบเข้าห้องน้ำเลย แถวนี้ก็มีเด็กมาเดินขอเงินเหมือนกันนะ โดยจะมีผู้หญิงคนนึง คอยกำกับให้ไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ เหมือนที่เมืองไทยเลย ก็ให้บ้างไม่ให้บ้าง บางทีขอทานอุ้มลูกขอเงินก็มี เป็นมุสลิมก็มี เยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่คงไม่เยอะเท่าเมืองไทยหรอก
ตอนเย็นก็ไป ที่อะตอเมี่ยมวันนี้มีการแสดงดนตรียุคเอลวิส คนที่มาส่วนใหญ่แต่งตัว แต่งผมแบบเอลวิส ผู้หญิงก็แต่งแบบย้อนยุค ทัดดอกไม้ ทาปากสีแดงเชียว และมีการเอารถเก่าๆ มาโชว์ด้วย เราก็ไปยืนเป็นนางแบบให้อ่ะ สวยดีรถ ชอบจัง ดูคอนเสิร์ตไม่นานก็กลบไปพักที่โรงแรม วันนี้เหนื่อยจัง หลับสนิทเลยเรา
เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ..

สถานีรถบัส..ตรงใกล้อะตอเมี่ยมเป็นชุมทางเลย มีทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน รถทาม

หน้าตาด้านในรถทาม ตู้สีส้มคือเครื่องตอกบัตร

ซื้อตั๋วรถทาม ราคา 4 ยูโร สำหรับ 2 คน ทั้งวัน ก็คุ้มดีเหมือนกัน

หน้าตาตั๋วรถทาม ซื้อครั้งแรกเสียค่าโง่คนละ 2 ยูโร พอขึ้นใหม่ก็ซื้ออีก จริงๆ ตั๋วมีอายุ 2 ชม ถ้าเราใช้ครั้งนึงแล้วลง แล้วจะขึ้นใหม่ภายใน 2 ชม ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่ แต่ขึ้นไปแล้วต้องตอกบัตรตั๋วทุกครั้ง

รถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว รอบเมืองบรัสเซลล์

หน้าตึกหุ้น ตรงนี้น่าจะใช้เป็นที่นัดหมายได้ดี

รูปปูนปั้นที่ตึกหุ้น ถ้าภาษาไกด์ต้องเรียก หน้าับัน 555

ถ่ายตอนจะข้ามไปตึกหุ้น

ร้านขายของที่ระลึกและโปสการ์ด ดูป้ายหน้าร้าน เรามองว่าไอเดียไม่บรรเจิดเท่าไหร่ ทำภาพเมเนเกนพิสฉี่ออกมาเป็นรูปธงชาติเบลเยี่ยม

จุดหมายคือจตุรัสเมือง ระหว่างทางก็ร้านขายของที่ระลึก ร้านช็อคโกแลต

ท๊อฟฟี่ น่าอร่อย แต่ดูราคาเสียก่อน

มาถึงแล้ว แต่ถ่ายไม่ค่อยสวย เพราะแดดบ้าง เมฆบ้าง

เงยหน้าขึ้นมองก็เจอรูปปั้นแกะสลัก

ลานกว้างของจตุรัสเมือง

มีวางขายดอกไม้ด้วย

รอบๆก็จะมีภาพเขียนวางขาย

เดินเข้าไปด้านใน พอดีมีคู่บ่าวสาวมาจัดงานแต่งงาน

รูปปั้นนี้ใครๆก็ต้องถ่ายรูป

พักดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศรอบจตุรัสที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในยุโรป (จริงไหม)

รูปปั้นเมเนเกนพิส หนูน้อยยืนฉี่ที่โด่งดัง คนมาดูกันเยอะแยะ ไม่อยากจะเชื่อ รวมทั้งเราด้วย ตัวเล็กนิดเดียว ใจหวังอยากมาเจอตอนไม่นุ่งผ้า เราว่าน่ารักดี

โชคดีเราเจอขบวนหุ่นยักษ์ขบวนยาวมาก นานๆจัดที

ดนตรีพื้นเมือง เราชอบเครื่องแต่งกายและการแสดงรำ

ขบวนหุ่นยักษ์มารวมตัวกันที่หน้าจตุรัสเมือง ผู้คนคึกคักดีทีเดียว

อีกมุมนึงของจตุรัสเมือง กำลังก่อสร้างตึก สร้างแบบไหนก็จากรูปที่เขาทำป้ายไว้ให้ดู

ช่วงบ่าย 3 เราเดินหาที่กินข้าวกัน ถนนสายนี้มีแต่ร้านอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล และอาหารที่ขึ้นชื่อ หอยแมลงภู่อบ 10 ยูโร ก็สามารถทานได้แล้ว

ชื่อไรนะจำไม่ได้ สร้างมาคู่เมเนเกนพิส แต่เป็นเด็กผู้หญิงนั่งฉี่ ไม่น่ารักเอาเสียเลย

สวยเลยถ่ายมา

สวยเลยถ่ายมา

พระราชวัง

รถเก่าเอามาโชว์ เราเลยขอเป็นพริตตี้ซะหน่อย ที่อะตอเมี่ยม

และดนตรีรำลึกถึง เอลวิส พริสลี่ย์ คนที่มาเที่ยวงาน ผู้ชายก็ทำผมแบบเอลวิส ส่วนผู้หญิงก็แต่งตัวยุค 60 ทาปากสีแดงแจ๊ดเชียว

ไปเที่ยวในเมืองก็นั่ง”ทาม” ไป ลงผิดสถานี่ ทาม ก็เหมือนรถราง นั่นล่ะ ตอนแรกลงผิดสถานีอ่ะ ไม่เป็นไร ท่องเที่ยวก็แบบนีล่ะ ที่รักก็ไม่คุ้นเมืองเหมือนกัน เพราะไม่ชอบเข้าเมือง ซื้อตั๋ว ๑ วัน สำหรับ ๒ คน ๔ ยูโร กี่เที่ยวก็ได้ ก็ดีเนอะ ตอนแรกก็เสียค่าโง่ จ่ายคนละ ๒ ยูโร ต่อเที่ยว เจ้าหน้าที่แนะนำซื้อตั๋ว ๑ วันประหยัดกว่า พอมาถึงสถานีที่จะไปเที่ยวกรองปลาซ ถึง ปุ๊บ ก็จับกล้องถ่ายรูป ตึกรามบ้านช่องเหมือนกันหมด ไม่รู้อันไหนเก่าอันไหนใหม่ แต่ยอมรับว่าสวยมาก และยังคงสมบูรณ์ นึกไปถึงตึกกระทรวงกลาโหม ข้างวัดพระแก้วเลย เมืองนอกเค้าสร้างด้วยปู เหล็ก จึงอยู่สมบูรณ์ แต่ที่อยุธยาสร้างด้วยไม้ พอเวลาเนิ่นน่านไปก็ผุพังไปตามเวลา คงเหลือแต่สิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยอิฐด้วยปูนเท่านั้น แต่ถ้าวัดความวิจิตร ประณีต สู้ของไทยไม่ได้เลย น่าเสียดายยิ่งนัก อ้าวเรา เข้าสู่โหมรักชาติอีกละ ฮ่าๆๆๆ
เราก็เดินดูไป อ่านคู่มือไป ก็เข้าใจนิดหน่อย ไปที่ตึกหุ้น มีนักท่องเที่ยวเยอะแยะเลย ถ่ายรูปกันใหญ่ เราก็ถ่ายด้วย ตึกนี้สวยด้วยรูปปูนปั้นอ่ะ รายรอบตึกอยู่ ได้แวะซื้อโปสการ์ดด้วย เป็นของฝาก ที่รักไปซื้อสติ๊กเกอร์ธงชาติไทย จะเอาไปติดท้ายรถ เลือกโปสการ์ดให้ว่าที่พ่อตา ๑ ใบ เป็นรูปเบียร์ของเบลเยี่ยม บอกว่าถ้ากลับไปจะเอาไปฝาก ฮ่าๆๆ หลอกคนแก่ดีใจหรือเปล่านะ เดินเที่ยวเรื่อยๆ มีร้านขายช็อคโกแลตเยอะมาก เบลเยี่ยมจะขึ้นชื่อในเรื่องของ เบียร์ ช๊อคโกแลต และมันฝรั่งทอด มีต้นกำเนิดที่นี่ล่ะ เดินไปถึงกรองปลาซซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจตุรัสเมืองที่สวยที่สุด สวยงามจริงๆ สร้างได้ไงนะ วันนี้มีคนมาใช้เป็นสถานที่แต่งงานด้วยอ่ะ ก็รอดู สวยดี แล้วก็ไปเดินเล่นต่อ
ไปดูเมเนเกนพิส รูปปั้นเด็กฉี่ วันนี้ใส่ชุดครุย เสียดายอยากได้รูปแก้ผ้า มีคนมาถ่ายรูปด้วยเยอะแยะเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามีชื่อเสียงได้ไง ตัวก็เล็กนิดเดียว พอดีมีขบวนพาเหรด หุ่นชาวบ้าน ตัวสูงมาก โชคดีที่เราได้ดู เห็นบอกว่านาน จัดที ที่รักจัดให้ ๑ รูป ดื่มน้ำ ๑ ขวด จริงๆ ไม่ค่ออยากดื่มเลยเพราะว่าจะทำให้อยากเข้าห้องน้ำ แถมไม่ได้เข้าฟรีด้วย ต้องจ่ายครั้งละ เกือบ ๒๕ บาทแพงมากเลย ที่เมืองไทยเข้าฟรีนะคะ ก็ไปนั่งดื่มกันต่อที่หน้ากรองปลาซ ได้บรรยากาศเมืองนอกมากๆ เลย หิวข้าวละ ไปหาไรกิน ในซอยนึงมีแต่ร้านอาหาร ส่วนมากเป็นอาหารทะเลย เราอยากกิน แต่คงกินไม่หมด ของขึ้นชื่อจะเป็นหอยแมลงภู่อบ กินกับ มันฝรั่งทอด แต่เราเลือกจะกิน ๑ ชุด ๒ คน ก็เป็นเมนูสเต็ก เค้าก็จัดมาให้ กินเสร็จจ่ายเงิน เค้าเก็บเท่าราคา ๒ ชุดเลยอ่ะ หมดไปเกือบ ร้อยยูโร โอ๊ย จะบ้าตาย อะไรเนี่ย แม่เจ้า แพงจัง พูดกันว่าพรุ่งนี้เราไม่ต้องกินข้าวแล้วกัน วันนี้กินไปเผื่อแล้ว เห็นใจที่รักจังจ่ายเยอะโดยใช่เหตุ
ทานเสร็จก็ไปเดินย่อยแถวพระราชวัง สวยจัง ยิ่งใหญ่ จากนั้นเดินเข้าไปในสวนที่อยู่ตรงข้าม คนเยอะจัง และเราเริ่มเหนื่อยแล้ว งอแงแล้วอ่ะ ปวดฉี่ด้วย แต่ว่ามีเรื่องตลกคือ มีคู่รักเข้าไปในสวนอ่ะ แล้วเค้าก็จู๋จี๋กัน แบบว่าขั้นลูบไล้ เราก็บอกที่รักดู ที่รัก บอก ใจเย็นๆๆๆ ขำอ่ะ ตอนนี้เริ่มปวดฉี่มากเลย เดินบิดๆ ต้องหาร้านกาแฟเพื่อจะได้เข้าห้องน้ำ เดินมาตั้งไกล เพราะอ้อมสวนและเดินกลับมาที่เดินคือหลังตึกหุ้นนั่นเอง สั่งกาแฟปุ๊บก็รีบเข้าห้องน้ำเลย แถวนี้ก็มีเด็กมาเดินขอเงินเหมือนกันนะ โดยจะมีผู้หญิงคนนึง คอยกำกับให้ไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ เหมือนที่เมืองไทยเลย ก็ให้บ้างไม่ให้บ้าง บางทีขอทานอุ้มลูกขอเงินก็มี เป็นมุสลิมก็มี เยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่คงไม่เยอะเท่าเมืองไทยหรอก
ตอนเย็นก็ไป ที่อะตอเมี่ยมวันนี้มีการแสดงดนตรียุคเอลวิส คนที่มาส่วนใหญ่แต่งตัว แต่งผมแบบเอลวิส ผู้หญิงก็แต่งแบบย้อนยุค ทัดดอกไม้ ทาปากสีแดงเชียว และมีการเอารถเก่าๆ มาโชว์ด้วย เราก็ไปยืนเป็นนางแบบให้อ่ะ สวยดีรถ ชอบจัง ดูคอนเสิร์ตไม่นานก็กลบไปพักที่โรงแรม วันนี้เหนื่อยจัง หลับสนิทเลยเรา
เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ..
สถานีรถบัส..ตรงใกล้อะตอเมี่ยมเป็นชุมทางเลย มีทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน รถทาม
หน้าตาด้านในรถทาม ตู้สีส้มคือเครื่องตอกบัตร
ซื้อตั๋วรถทาม ราคา 4 ยูโร สำหรับ 2 คน ทั้งวัน ก็คุ้มดีเหมือนกัน
หน้าตาตั๋วรถทาม ซื้อครั้งแรกเสียค่าโง่คนละ 2 ยูโร พอขึ้นใหม่ก็ซื้ออีก จริงๆ ตั๋วมีอายุ 2 ชม ถ้าเราใช้ครั้งนึงแล้วลง แล้วจะขึ้นใหม่ภายใน 2 ชม ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่ แต่ขึ้นไปแล้วต้องตอกบัตรตั๋วทุกครั้ง
รถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว รอบเมืองบรัสเซลล์
หน้าตึกหุ้น ตรงนี้น่าจะใช้เป็นที่นัดหมายได้ดี
รูปปูนปั้นที่ตึกหุ้น ถ้าภาษาไกด์ต้องเรียก หน้าับัน 555
ถ่ายตอนจะข้ามไปตึกหุ้น
ร้านขายของที่ระลึกและโปสการ์ด ดูป้ายหน้าร้าน เรามองว่าไอเดียไม่บรรเจิดเท่าไหร่ ทำภาพเมเนเกนพิสฉี่ออกมาเป็นรูปธงชาติเบลเยี่ยม
จุดหมายคือจตุรัสเมือง ระหว่างทางก็ร้านขายของที่ระลึก ร้านช็อคโกแลต
ท๊อฟฟี่ น่าอร่อย แต่ดูราคาเสียก่อน
มาถึงแล้ว แต่ถ่ายไม่ค่อยสวย เพราะแดดบ้าง เมฆบ้าง
เงยหน้าขึ้นมองก็เจอรูปปั้นแกะสลัก
ลานกว้างของจตุรัสเมือง
มีวางขายดอกไม้ด้วย
รอบๆก็จะมีภาพเขียนวางขาย
เดินเข้าไปด้านใน พอดีมีคู่บ่าวสาวมาจัดงานแต่งงาน
รูปปั้นนี้ใครๆก็ต้องถ่ายรูป
พักดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศรอบจตุรัสที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในยุโรป (จริงไหม)
รูปปั้นเมเนเกนพิส หนูน้อยยืนฉี่ที่โด่งดัง คนมาดูกันเยอะแยะ ไม่อยากจะเชื่อ รวมทั้งเราด้วย ตัวเล็กนิดเดียว ใจหวังอยากมาเจอตอนไม่นุ่งผ้า เราว่าน่ารักดี
โชคดีเราเจอขบวนหุ่นยักษ์ขบวนยาวมาก นานๆจัดที
ดนตรีพื้นเมือง เราชอบเครื่องแต่งกายและการแสดงรำ
ขบวนหุ่นยักษ์มารวมตัวกันที่หน้าจตุรัสเมือง ผู้คนคึกคักดีทีเดียว
อีกมุมนึงของจตุรัสเมือง กำลังก่อสร้างตึก สร้างแบบไหนก็จากรูปที่เขาทำป้ายไว้ให้ดู
ช่วงบ่าย 3 เราเดินหาที่กินข้าวกัน ถนนสายนี้มีแต่ร้านอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล และอาหารที่ขึ้นชื่อ หอยแมลงภู่อบ 10 ยูโร ก็สามารถทานได้แล้ว
ชื่อไรนะจำไม่ได้ สร้างมาคู่เมเนเกนพิส แต่เป็นเด็กผู้หญิงนั่งฉี่ ไม่น่ารักเอาเสียเลย
สวยเลยถ่ายมา
สวยเลยถ่ายมา
พระราชวัง
รถเก่าเอามาโชว์ เราเลยขอเป็นพริตตี้ซะหน่อย ที่อะตอเมี่ยม
และดนตรีรำลึกถึง เอลวิส พริสลี่ย์ คนที่มาเที่ยวงาน ผู้ชายก็ทำผมแบบเอลวิส ส่วนผู้หญิงก็แต่งตัวยุค 60 ทาปากสีแดงแจ๊ดเชียว
No comments:
Post a Comment